วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

การพอใจหรือการให้ ทิป


ความหมายของทิป คือ เงินจำนวนหนึ่งที่ผู้รับบริการมอบให้แก่ผู้ที่ทำหน้าที่ให้บริการแก่ตนเอง โดยจ่ายเพิ่มให้เป็นพิเศษนอกเหนือการจ่ายค่าสินค้า หรือบริการที่ได้รับไปแล้ว
การทิปของแต่ละประเทศนั้นจะไม่เหมือนกันโดยแล้วแต่ประเทศนั้นจะรวมค่าทิปไปในบิลเรียกเก็บเงินหลังเช็คบิล หรือใช้บริการเสร็จ โดยในบิลจะระบุว่า “Service Charge” หรือ “ค่าบริการ” ไว้แล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นค่าร้อยละของยอดจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้แก่บริการนั้นๆ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 5-15เปอร์เซ็นต์
ซึ่งแต่ละประเทศมีการคิดค่าธรรมเนียมในการทิปที่แตกต่างกัน เช่นประเทศฝรั่งเศส มีกฎหมายให้ภัตตาคารสามารถบวกค่าบริการได้ ทำให้พนักงานเสิร์ฟที่ประเทศฝรั่งเศสมีเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี แต่สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาไม่บังคับ ทำให้รายได้ของพนักงานส่วนใหญ่ได้มาจากการทิป สำหรับเงินเดือนได้น้อยมาก ดังนั้นเมื่อไปกินอาหารที่ภัตตาคารที่ฝรั่งเศสที่ได้บอกค่าบริการไปแล้วในบิลจึงไม่ต้องให้ทิปเพิ่มอีก แต่ถ้าหากได้รับบริการที่ดีอาจจะให้เพิ่มตามความสมัครใจก็ได้ โดยปกติจะอยู่ประมาน 1-5 ยูโรต่อจำนวนสมาชิกในโต๊ะ
แต่สำหรับที่ประเทศไทยแล้วเฉพาะร้านอาหารใหญ่ๆ หรือสั่งอาหารตามโรงแรมมักจะเขียนบอกไว้ในเมนูอาหารอยู่แล้วว่ามีค่าบริการเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นกติกาสากล แต่ถ้าหากจะให้เพื่ออีกก็แล้วแต่เราเลยล่ะครับ
สำหรับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป จะมีธรรมเนียมในการทิปดังนี้
1. พนักงานยกกระเป๋าไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดควรได้ประมาณ 0.50 – 1 ยูโรต่อกระเป๋า 1 ใบ
2. แม่บ้านทำความสะอาดตามโรงแรมควรได้ประมาณ 1 – 1.50 ยูโรต่อวัน
3. ช่างทำผมควรได้ 10% ของค่าทำผม
4. พนักงานประจำห้องน้ำควรได้ประมาณ 0.30 – 0.50 ยูโร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะมีป้ายติดประกาศอย่างชัดเจนว่าต้องให้
5. ไกด์ท้องถิ่นที่พาเราเที่ยวในแต่ละสถานที่ควรได้ประมาณ 1 – 2 ยูโรต่อครั้ง และสำหรับไกด์ที่นำเที่ยวแบบหมู่คณะควรได้ประมาณ 2 – 5 ยูโรต่อทัวร์จากลูกทัวร์แต่ละคน
6. คนขับแท็กซี่ควรได้ประมาณ 10% ของค่าโดยสาร และคนขับรถบัสควรได้ประมาณ 1 - 2 ยูโรต่อวัน

อัตราเหล่านี้เป็นเหมือนราคากลางในการให้เท่านั้น ซึ่งจะให้มาก หรือให้น้อยก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของเราทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์ และความพึงพอใจของผู้รับบริการที่มีต่อพนักงาน